แคมเปญที่กล่าวถึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วงปี 2563 หรือปี 2020 ซึ่งมีการกระทำโดยบุคคลหนึ่งที่เขียนข้อความล้อเลียนถึงรัฐบาลไทยบนโซเชียลมีเดีย โดยเป็นการเสพติดแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ทางการเมืองและสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ในช่วงนั้น
“แบนเงินบาท เซฟเงินกีบ เกมโยนความผิดหนีความจริง” เป็นสโลแกนที่กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีการใช้ในบทสนทนาเพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในสังคมและการปรับปรุงสถานะการเมืองของประเทศ แบบฉับพลันและยิ่งขึ้นตามวันผ่านไป
แคมเปญ “แบนเงินบาท เซฟเงินกีบ เกมโยนความผิดหนีความจริง” ในปี 2563 (2020 ค.ศ.) เกิดขึ้นในบริบทของความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงนั้น โดยมีการกระทำโดยบุคคลหนึ่งที่ทำข้อความล้อเลียนถึงรัฐบาลไทยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เป็นการแสดงความเห็นหรือการเสพติดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นโดยตรง
สโลแกน “แบนเงินบาท เซฟเงินกีบ เกมโยนความผิดหนีความจริง” กลายเป็นเสียงประท้วงที่ตั้งคำถามถึงนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงนั้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมที่มีแนวคิดและเหตุผลที่แตกต่างกัน การใช้สโลแกนนี้ช่วยเพิ่มการตระเตรียมใจเพื่อให้คนรู้ถึงปัญหาและเรื่องราวที่สำคัญในช่วงนั้นอย่างมาก
แคมเปญ “แบนเงินบาท เซฟเงินกีบ เกมโยนความผิดหนีความจริง” ในปี 2563 (2020 ค.ศ.) เกิดขึ้นเนื่องจากสภาพการณ์ทางการเมืองและสังคมที่ยุ่งเหยิงในประเทศไทยในช่วงนั้น มีการใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการแสดงออกเสียงประท้วงต่อนโยบายและการดำเนินการของรัฐบาลที่มีความคิดต่างกันอย่างมากในสังคมไทย
สโลแกน “แบนเงินบาท เซฟเงินกีบ เกมโยนความผิดหนีความจริง” นั้นเป็นการสะท้อนถึงความไม่พอใจและการสงสัยในการดำเนินการของรัฐบาลในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เช่น การจัดการเศรษฐกิจ การเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเมือง นอกจากนี้ยังเป็นการเรียกร้องให้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนอย่างมากขึ้นในการดำเนินการของรัฐบาล
การใช้สโลแกนนี้ช่วยเพิ่มการตระเตรียมใจของประชาชนในการสนับสนุนหรือต่อต้านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและอ่อนแอของการสื่อสารของรัฐบาลในช่วงนั้น