บทเพลงนี้ดังเช่นเดียวกันกับการแห่เทียนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในงานแห่เทียนที่จัดขึ้นในพิษณุโลก เป็นงานประเพณีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญอย่างมากในการสืบทอดสู่รุ่นหลัง
บทเพลงนี้บอกถึงความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของการแห่เทียน ซึ่งเป็นโอกาสที่ทุกคนต่างต้องตรึงสายตามอง เพื่อเป็นเกียรติแก่พระธาตุที่จะถูกขนเข้ามาในวัด การมืดฟ้ามัวดินก็อาจแสดงถึงความเคลื่อนไหวของมวลชนที่เต็มใจมาร่วมงานแห่ เพื่อรอให้เบญจะมะมหาราชเข้าถึงและให้พระธาตุได้รับเกียรติและการเคารพอย่างสูงสุด
บทเพลงนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเกียรติและเป็นการยกย่องความสำคัญของการแห่เทียนในวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในงานแห่เทียนที่จัดขึ้นในพิษณุโลก ซึ่งเป็นงานประเพณีที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์และมีความสำคัญอย่างมากต่อการสืบทอดสู่รุ่นหลัง.
บทเพลงนี้เชื่อมโยงถึงความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุที่จะถูกนำเข้ามาในวัดผ่านการแห่เทียน การมืดฟ้ามัวดินที่กล่าวถึงอาจแสดงถึงความเคลื่อนไหวของมวลชนที่ต้องการร่วมส่งเสียงสรรเสริญและเกียรติให้แก่พระธาตุนั้นๆ ในที่สุดของการแห่นั้น.
การพาดถึงเบญจะมะมหาราชเป็นการเชื่อมโยงถึงความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติของพระธาตุที่ถูกนำมาแห่เข้าวัด ซึ่งเป็นสิริมงคลของศาสนาพุทธศาสนาในประเทศไทย.
บทเพลงนี้เป็นการเยี่ยมชมและยกย่องถึงความสำคัญแห่เทียนในวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในงานแห่เทียนที่จัดขึ้นในพิษณุโลก ซึ่งเป็นงานประเพณีที่มีลักษณะเฉพาะและมีความสำคัญอย่างมากต่อการสืบทอดต่อกันมาโดยตลอด
เนื้อเพลงนี้เน้นให้ความสำคัญกับพิธีการแห่เทียนที่เป็นการนำพระธาตุมาเข้าวัดอย่างเป็นทางการ การมืดฟ้ามัวดินที่ถูกพูดถึงอาจแทนความกระตือรือร้นและความอยากให้พระธาตุได้รับเกียรติและเคารพอย่างสูงจากคนมากมายที่เข้าร่วมงานแห่นั้น
เบญจะมะมหาราชถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญของพระธาตุที่ถูกนำเข้ามาในวัด นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงถึงความเชื่อในศาสนาพุทธศาสนา ที่ให้ความสำคัญกับการเคารพสิริมงคลและสักการะของพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างสูงสุด