อินเดียเมินช่วยข้างบ้านบูรณะโบราณวัตถุ กลัวหลุดมรดกโลก ต้องขอร้องฝรั่งเศสรีบมาช่วย

การเปิดเผยจากกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ในประเทศไทยได้รายงานว่ามีการจัดพิธีถวายพระในช่วงการบรรจุและขนส่งรูปปั้นทองสำฤทธิ์ของพระนารายณ์จากเมืองแม่ในประเทศกัมพูชา เพื่อส่งไปซ่อมแซมในประเทศฝรั่งเศส สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมาที่พิพิธพันธสถานแห่งชาติในกัมพูชา ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตศีลได้จัดพิธีเชิญพระสงฆ์พรหมน้ำมนต์เพื่อบรรจุ

ขนย้ายพระนารายณ์จากวัดแม่บอเพื่อส่งไปอนุรักษ์ซ่อมแซมและวิเคราะห์งานวิจัยในประเทศฝรั่งเศส โดยดร.เพียงซาโนรัฐมนตรีจากกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตศิลป์เป็นประธานในพิธี โดยมีนายฟาร์บริสเอเตียนรองหัวหน้าคณาผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศกัมพูชา นายจอลผู้แทนและยานิลินผู้อำนวยการฝ่ายพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติและเอลก้า เซลเตอร์โลกชุมเทียบผู้แทนกระทรวง และคณะ

โดยสถาบันที่เกี่ยวข้องในการส่งรูปปั้นทองสำรฤทธิ์อันงดงามนั้นเป็นหนึ่งในโครงการความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคระหว่างประเทศฝรั่งเศสและกัมพูชา โครงการนี้ได้มีการตกลงกันตั้งแต่ปี 2562 แต่ได้เลื่อนการดำเนินโครงการไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำให้ไม่สามารถส่งมอบตามกำหนดได้ตามปกติ โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการซ่อมแซมอนุรักษ์และวิเคราะห์องค์ประกอบของรูปปั้นทองสำรฤทธิ์เพื่อให้มีการอนุรักษ์และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเป็นเช่นเดียวกัน

ประกอบของรูปปั้นพระนารายณ์ที่มิวเซียมของฝรั่งเศสมีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคอัญชาญฉลาดในการแกะสลักโลหะขนาดใหญ่ในอารยธรรมเขมรในสมัยอังกอง คำกล่าวขานายพระราชวังที่ปฏิเสธได้ทำให้มีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคที่ใช้ในการสร้างงานศิลปะอันงดงามนี้ โดยผลการศึกษาในครั้งนี้มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความสามารถด้านงานโลหะในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินอกเหนือจากการ

ทีมงานจะพยายามที่จะวิเคราะห์ด้านเทคนิคโดยการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมด 39 ชิ้นที่มีการแยกออกจากกันโดยมีระยะเวลาเก่าแก่กว่า 1,000 ปี และจะมีการเตรียมประกอบชิ้นส่วนในมิติ 3 มิติเพื่อระบุตำแหน่งของชิ้นส่วนต่างๆ โดยคาดว่าหลังจากเสร็จสิ้นโครงการนี้ งานอนุรักษ์และวิเคราะห์นี้ประติมากรรมที่สวยงามจะถูกจัดแสดงในนิทัศการแบบชั่วคราวที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียนชิม โดยนิทรรศการนี้จะมีรูปปั้นทองสำฤทธิ์อีก 126 ชิ้น

รูปภาพที่ยืมมาจากพิพิธพันธสถานแห่งชาติกัมพูชาจะมีการจัดแสดงในนิทรรศการชั่วคราวเกี่ยวกับยุคสำฤทธิ์ของนครวัดเป็นศิลปะแห่งเทพที่จะมีการจัดขึ้นที่พิพิธพันธสถานแห่งชาติราศีเมถุนในช่วงครึ่งหลังของปีพุทธศักราช 2568 โดยจะมีการจัดแสดงการพัฒนาทางด้านเทคนิคของงานโลหะในอารยธรรมเขมรตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคหลังนครวัด หลังจากที่นิทรรศการชั่วคราวได้จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ชิม รูปปั้นนี้จะถูกส่งไปยังสถานที่อีก 3 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา

การจัดแสดงรูปปั้นพระนารายณ์เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาฮินดูในเขมรในสยอังกอ เป็นเสมือนการนำอัจฉริยภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของเทคนิคงานโลหะเขมรไปสู่เวทีระดับนานาชาติเพื่อให้ความเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมเขมรในสมัยโบราณ มีผู้วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ชาวกัมพูชาไม่ซ่อมแซมเองเป็นไปได้เนื่องจากเหตุผลง่ายๆอาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เคยเป็นผู้สร้างศิลปกรรมนี้และอาจได้มาจากชาติอื่นๆ ที่มีความเชื่อศาสนาฮินดูหรือมีการนำไปใช้ในระหว่างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันไปแล้ว

บางครั้งเหตุผลที่บางคนไม่มีความรู้และความสามารถในการบูรณะรักษาสิ่งของอาจเป็นเพราะขาดความเข้าใจในกระบวนการหรือเทคนิคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจไม่ได้มีการฝึกฝนหรือเรียนรู้เกี่ยวกับการบูรณะรักษามาก่อน นอกจากนี้ บางคนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นคนจากประเทศอื่นที่ไม่มีประสบการณ์หรือวัฒนธรรมที่คล้ายกับประเทศไทย

คนไทยมักจะมีผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอยู่ภายใต้ระบบการศึกษาและสังคมที่สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ และมักจะมีความเคารพต่อความรู้และศักยภาพของบรรพบุรุษที่ผ่านมา นอกจากนี้ วัฒนธรรมของคนไทยมักมีรากเหง้าและประเพณีที่ส่งผลให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง

บางคนมองว่าความไม่สามารถในการบูรณะรักษาสิ่งของเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากในอดีตชาวเขมรมักจะทำงานแบกอิฐและปูน และเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น การซ่อมแซมมักจะไม่สามารถทำได้เองเนื่องจากไม่เป็นเจ้าของสิ่งนั้น และอาจจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ในชุมชน

การสร้างและออกแบบงานวิศวกรรมและโครงสร้างในวัฒนธรรมไปอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากในอดีตมักมีการตั้งสมมติฐานว่าเป็นเพียงทางเลือกสำหรับชนชั้นแรงงานเท่านั้น บางคอมเมนต์ยังเคยกล่าวถึงว่าในอดีต เวลาเกิดปัญหาในการซ่อมแซมและบูรณะต่างๆ อาจจะมอบหน้าที่ให้กับช่างชาวอินเดียมาช่วย แต่ช่วงหลังนั้นคงไม่กล้าให้อินเดียมาช่วยแล้ว เนื่องจากอินเดียมักจะมีลักษณะการแข่งขันอย่างรุนแรง และสำหรับชาวเขมรที่พยายามเลียนแบบและซ่อมแซมเอง อาจเจอกับการปิดกั้นหลังจากที่ชาวอินเดียได้เห็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจของชาวเขมรที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การเรียนรู้ทางลัดและการสร้างความชำนาญในงานก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวอินเดียมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองมากขึ้น และหันมาทำงานซ่อมแซมเองได้มากขึ้น ในที่สุดนั้น มีผู้เชี่ยวชาญบางคนก็วิจารณ์ว่าการนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นเนื่องจากในอดีตชาวเขมรมักทำงานแบกอิฐและปูนแทนที่จะซ่อมแซมเองได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินในสถานที่นั้น

อินเดียเคยช่วยในการบูรณะโบราณวัตถุในพื้นที่ข้างเคียงเมือง เขากลัวว่าจะสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมของโลก และจึงต้องการให้ประเทศฝรั่งเศสเข้ามาช่วยเร่งด่วน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *